คำศัพท์ที่ใช้บรรยายผลงานทัศนศิลป์

                การเรียนรู้ทางด้านการวิจารณ์งานศิลปะ เป็นผลทำให้ผู้เรียนมีความรู้ด้านการปฏิบัติงานที่มีมาตรฐาน และเป็นทฤษฎีที่สำคัญที่นำไปสู่วิธีการตัดสินผลงานและประเมินคุณค่าของผลงานศิลปะได้ ดังนั้น ผู้เรียนควรเรียนรู้ถึงแนวทางการบรรยายผลงานทัศนศิลป์โดยการใช้ศัทพ์ทางทัศนศิลป์ เนื่องจากผลงานทุกชิ้นของทางทัศนศิลป์ ล้วนประกอบด้วยการสร้างสรรค์โดยใช้ทัศนธาตุและหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์เช่นเดียวกัน



           วิจิตรศิลป์( Fine Art )

            เป็นผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ ได้รับความบันดาลใจและประทับใจในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แสดงเอกลักษณ์ทางสุนทรียศาสตร์ ประกอบด้วย จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม และดนตรี

          ศิลปะประยุกต์( Applied Art )

            เป็นผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ แต่คำนึงถึงสุนทรียภาพด้วย ซึ่งเป็นที่มาของการออกแบบ เพราะเป็นศิลปะที่ต้องใช้หลักการออกแบบให้เกิดคุณค่าเพื่อประโยชน์ใช้สอยและความงามคู่กัน

          สุนทรียภาพ ( Aesthetic )

            เป็นคำที่ใช้แสดงความซาบซึ้งในคุณค่าของความงดงาม ความไพเราะ ความรื่นรมย์จากธรรมชาติ หรือผลงานศิลปะ ความรู้สึกนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ตามความรู้สึกเฉพาะตนตั้งแต่เกิด สิ่งแวดล้อม และการศึกษา

          รูปคนเหมือน ( Portrait )

            เป็นภาพลายเส้น ภาพเขียน ภาพถ่าย รูปแกะสลัก หรือรูปปั้น ของบุคคลจริงไม่ว่าจะมีชีวิตหรือตายแล้วก็ตาม โดยปกติจะเน้นที่ใบหน้า และอาจทำรูปเหมือนเฉพาะหัว ครึ่งตัวหรือเต็มตัว อาจทำหน้าตรงหรือเอียง แต่มีส่วนน้อยที่จะทำด้านข้าง อาจอยู่ในท่านั่ง ยืน หรือนอน ด้วยขนาดเท่าตัวจริงหรือใหญ่กว่า

           ศิลปะพื้นบ้าน ( Folk Art )

            เป็นงานสร้างสรรค์โดยฝีมือชาวบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อสืบทอดประเพณีนิยม มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปในแต่ล่ะท้องถิ่น

           อุตสาหกรรมศิลป์ ( Industrial Art )

            เป็นศิลปะที่ออกแบบและผลิตเป็นจำนวนมาก ใช้วิทยาการ การศึกษาและค้นคว้าด้านเทคโนโลยีและวัสดุ เพื่อนำมาปรับใช้ในการออกแบบให้มีความงดงามกลมกลืนกับหน้าที่และประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์

            จิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก ( Buon Fresco )

            เป็นวิธีที่ใช้สีผสมน้ำแล้ววาดลงบนปูนปลาสเตอร์ ( Lime Mortar )ที่ปาดไว้บางๆบนผนัง เมื่อทาสีลงไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรทาเคลือบให้สีติด เพราะปูนปลาสเตอร์จะทำปฏิกิริยาเคมีกับสีติดปูน สีจะซึมลงไปในปูนที่ยังชื้น พอปูนแห้งก็จะทำปฏิกิริยาเคมีกับอากาศ ทำให้สีติดผนังได้อย่างถาวร


              การหล่อ ( Casting )

            เป็นวิธีการสร้างงานประติมากรรมโดยการถ่ายแบบจากหุ่นต้นแบบ โดยใช้วัสดุที่คงทนกว่าวัสดุเดิม ในการหล่อต้องมีการทำแม่พิมพ์ขึ้นมาก่อนจากหุ่นต้นแบบ เพื่อเก็บรูปทรงและรายละเอียดวัสดุใหม่ก่อรูปขึ้นตามแม่พิมพ์นั้นๆสำหรับงานชิ้นเล็กอาจหล่อเป็ยรูปตันได้ แต่งานใหญ่ต้องทำเป็นรูปกลวง

               ภาพปะตัด ( Collage )

            เป็นงานศิลปะแบบหนึ่งที่ใช้วิธีปะแผ่นวัสดุบนพื้นในลักษณะแบนราบ หรือนูนสูงขึ้นจากพื้นภาพเพียงเล็กน้อย แผ่นวัสดุที่ใช้ปะติดอาจมีหลายชนิดรวมกัน เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุ พื้นระนาบที่ใช้แผ่นวัสดุปะติดอาจเป็นแผ่นไม้ ผืนผ้าใบ หรือพื้นระนาบอื่นๆ และอาจเพิ่มเติมด้วยการระบายสี หรือวาดภาพ หรือพิมพ์ทับ


                    ภาพพิมพ์ยางแกะ ( Linocut )

            เป็นภาพพิมพ์ที่ได้จากการสร้างแม่พิมพ์ด้วยแผ่นยางหรือก้อนยางด้วยการแกะเป็นลวดลายตามที่ต้องการ จากนั้นนำไปกลิ้งสีให้ทั่ว แล้วเข้ากระบวนการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์หรือพิมพ์ด้วยการกดด้วยมือ


                      การปั้น ( Modeling )

            เป็นวิธีการสร้างงานประติมากรรมโดยวิธีบวกหรือพอกพูน โดยใช้วัสดุที่ค่อนข้างนิ่ม เช่น ดินเหนียว ดินน้ำมัน ขี้ผึ้ง ในการสร้าง ถ้าเป็นรูปใหญ่มักจะเสริมภายในด้วยโครงโลหะก่อน เมื่อได้รูปทรงที่พอใจแล้ว อาจนำไปหล่อให้แข็งตามวิธีของงานหล่อต่อไป

                      งานโมเสก ( Mosaic )

            เป็นการใช้วัสดุชิ้นเล็กๆเยงต่อกันเป็นภาพหรือลวดลายประดับ ติดด้วยกาวหรือปูนบนผนัง พื้น หรือเพดาน วัสดุที่ใช้อาจเป็นวัสดุต่างชนิดกันหรือชนิดเดียวกัน สีเดียวกันหรือต่างสีกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและขนาดของชิ้นงานนั้นๆ ตัวอย่างวัสดุที่ใช้ เช่น กรวด กระจก กระเบื่อง หิน หินอ่อน

                       ศิลปะกอทิก ( Gothic Art )

            เป็นลักษณะรูปแบบของศิลปกรรมในยุโรปในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๒ และเสื่อมความนิยมลงในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ ศิลปกรรมกอทิกเต็มไปด้วยคุณค่าอย่างสูง โดยเฉพาะการแสดงออกถึงความศรัทธาในศาสนาคริสต์

                       ศิลปะโรโกโก ( Rococo Art )

            เป็นลักษณะรูปแบบศิลปะสมัยหนึ่งของยุโรป แสดงถึงความต้องการและรสนิยมของชนชั้นสูง ในด้านจิตรกรรม ภาพทิวทัศน์นิยมสร้างให้แสงปรากฏอย่างงดงาม นุ่มนวลตา และมีบรรยากาศราวกับความฝัน เรื่องราวของภาพมักเกี่ยวกับเรื่องปรัมปรา งานรื่นเริงที่มีบรรยากาศหรูหรา ในด้านประติมากรรม มีการตัดแปลงให้มีขนาดเล็ก เพิ่มความละเอียดประณีต ร่างกายของคนจะดูบอบบาง นุ่มนวล และแสดงความเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อย

                      อิมเพรสชันนิซึม ( Impressionism )

            เป็นศิลปะลัทธิหนึ่งที่นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องแสงและสีมาใช้เพื่อแสดงบรรยากาศธรรมชาติตามเวลาและฤดูกาล เกิดขึ้นกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ ลักษณะของภาพวาดแบบอิมเพรสชันนิซึม คือ การใช้พู่กันตวัดสีอย่างเข้มๆ ใช้สีสว่าง มีส่วนประกอบของภาพที่ไม่ถูกบีบ เน้นไปยังคุณภาพที่แปรผันของแสง มักจะเน้นไปยังผลลัพธ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา เนื้อหาของภาพเป็นเรื่องทั่วไป และมีมุมมองที่พิเศษ เน้นไปยังมุมมองแบบกว้างๆ มากกว่ารายละเอียด

                      สัจนิยม ( Realism )

            เป็นศิลปะลัทธ์หนึ่งที่มีการสร้างงานเหมือนจริงดังที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติ เช่น คน วัตถุ ทิวทัศน์ โดยยึดหลักแสดงและเสนอดังที่ตามองเห็น

                      ศิลปะนามธรรม ( Abstract Art )

            เป็นผลงานที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้นจากความคิดอิสระ มีการตัดทอนจากธรรมชาติให้เหลือเพียงสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายเฉพาะตัวของศิลปิน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น